In February 2020, Niwat Roykaew and the Mekong community’s advocacy resulted in the termination of the China-led Upper Mekong River rapids blasting project, which would have destroyed 248 miles of the Mekong to deepen navigation channels for Chinese cargo ships traveling downstream. Flowing 3,000 miles from the mountains of Tibet before draining to the South China Sea, the biodiversity-rich Mekong River’s fisheries, tributaries, wetlands, and floodplains are a vital lifeline for more than 65 million people. This is the first time the Thai government has canceled a transboundary project because of the environmental destruction it would cause.
Meet Niwat Roykaew
Read in:
In February 2020, Niwat Roykaew and the Mekong community’s advocacy resulted in the termination of the China-led Upper Mekong River rapids blasting project, which would have destroyed 248 miles of the Mekong to deepen navigation channels for Chinese cargo ships traveling downstream. Flowing 3,000 miles from the mountains of Tibet before draining to the South China Sea, the biodiversity-rich Mekong River’s fisheries, tributaries, wetlands, and floodplains are a vital lifeline for more than 65 million people. This is the first time the Thai government has canceled a transboundary project because of the environmental destruction it would cause.
นิวัฒน์ ร้อยแก้ว หรือครูตี๋ จากประเทศไทย เป็นผู้รับรางวัลโกลด์แมนประจำปี 2022 จากทวีปเอเชีย
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 การรณรงค์เพื่อปกป้องแม่น้ำโขงของประชาชน ลูกหลานแม่น้ำโขง และนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ส่งผลให้มีการยุติโครงการระเบิดแก่งแม่น้ำโขงที่นำโดยประเทศจีน ซึ่งจะทำลายนิเวศแม่น้ำโขงเป็นระยะทางกว่า 370 กิโลเมตร เพื่อปรับร่องน้ำสำหรับการเดินเรือสินค้าจีนขนาดใหญ่ที่เดินทางไปยังแม่น้ำโขงที่ปลายน้ำ
แม่น้ำโขง เป็นแม่น้ำนานาชาติที่มีความยาว 4,909 จากภูเขาหิมะในทิเบต ไหลลงสู่ทะเลจีนใต้ที่เวียดนาม ทรัพยากรแม่น้ำโขงก่อเกิดการประมงที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงลำน้ำสาขาน้อยใหญ่ พื้นที่ชุ่มน้ำ และที่ราบน้ำท่วมถึง ซึ่งดังเส้นเลือดหล่อเลี้ยงแหล่งชีวิตของผู้คนมากกว่า 65 ล้านคนตลอดลุ่มน้ำ
นี่เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลไทยสั่งยุติโครงการเนื่องจากผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นหากมีการระเบิดแก่งเพื่อการเดินเรือขนาดใหญ่ในแม่น้ำโขง
แม่น้ำโขงที่ทรงพลังไหลผ่านประเทศจีน พม่า ลาว ไทย กัมพูชา และเวียดนาม เป็นดังแหล่งวัฒนธรรมและจิตวิญญาณของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แผ่นดินใหญ่ เป็นแหล่งอาหาร แหล่งน้ำอุปโภคบริโภค และการชลประทานกับผู้คนมากกว่า 65 ล้านคน
แม่น้ำโขงมีความหลากหลายทางชีวภาพที่เป็นรองเพียงแค่แม่น้ำอะแมซอน
วัฏจักรน้ำท่วมและน้ำแล้งตามฤดูกาลทุกปีของแม่น้ำโขงยังทำให้เกิดสภาวะสำคัญในการย้ายถิ่นฐานของสัตว์น้ำ การอพยพของพันธุ์ปลา อย่างไรก็ตาม โครงการเขื่อนมากมายทั่วภูมิภาคได้คุกคามระบบนิเวศอันซับซ้อนของแม่น้ำโขง
ในช่วงต้นยุคทศวรรศที่ 2000 (ราว พศ.2543) ประเทศจีนประกาศแผนการร่วมกับประเทศไทยที่จะระเบิดส่วนที่เป็นหินของแม่น้ำโขงใกล้กับชายแดนไทย-ลาวเพื่อเปิดช่องทางให้กับเรือสินค้าจีน ขนาด 500 ตัน เดินเรือจากประเทศจีนตอนใต้ ผ่านประเทศลาว และไทย
โครงการปรัปปรุงร่องน้ำเพื่อการเดินเรือพาณิชย์ หรือ ที่เรียกกันว่าโครงการระเบิดแก่งแม่น้ำโขง มีแผนที่จะเปลี่ยนแม่น้ำให้กลายเป็นช่องทางการเดินเรือทางอุตสาหกรรมที่คล้ายกับคลองปานามา และจะทำลายแม่น้ำโขงที่ติดกับพรมแดนไทยลาว บริเวณ อ.เชียงแสน อ.เชียงของ และอ.เวียงแก่น จ.เชียงราย
ประชาชนในพื้นที่เห็นว่าโครงการนี้จะเปลี่ยนแม่น้ำโขงให้กลายเป็น “ซุปเปอร์ไฮเวย์”
คุณครูในโรงเรียน แปรเปลี่ยนเป็นผู้พิทักษ์แม่น้ำ
นิวัฒน์ ร้อยแก้ว ซึ่งชาวบ้านรู้จักอย่างรักใคร่ในชื่อ “ครูตี๋” อยู่ในช่วงวัย 60 ปี และเป็นคนที่เกิดและโตในเชียงของ ในฐานะที่เป็นคุณครูในพื้นที่ห่างไกลบริเวณชายแดนไทย-ลาว นิวัฒน์ได้พบเห็นด้วยตัวเองถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่โครงการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงมีต่อเกษตรกรในชนบท หลังจากที่ครูตี๋ออกจากราชการ ครูตี๋ก็ร่วมก่อตั้งกลุ่มรักษ์เชียงของ ซึ่งเป็นเครือข่ายอย่างหลวม ๆ ที่ประกอบด้วยชาวบ้านราว 30 คน เพื่อจัดการกับปัญหาทางสิ่งแวดล้อมและสังคมที่เกิดจากโครงการพัฒนาขนาดใหญ่
ผู้คนมองว่าครูตี๋เป็นผู้พิทักษ์ของผู้ที่ไร้สิทธิ์ไร้เสียง
แนวทางที่ทำให้ได้รับชัยชนะ
เมื่อได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับโครงการระเบิดแก่งแม่น้ำโขง ครูตี๋และประชาชนที่อาศัยริมแม่น้ำโขง และเครือข่ายต่างๆ ก็เริ่มเตรียมการเพื่อคัดค้านโครงการนี้ เครือข่ายกลุ่มประชาสังคมมากมายที่ครูตี๋มี อีกทั้งชุมชนในท้องถิ่น และ NGOs ได้ทำให้การรรณรงค์ปกป้องแม่น้ำโขงได้รับความสนใจจากนักพัฒนาและรัฐบาล ครูตี๋ได้ให้สัมภาษณ์และออกข่าวมากมายโดยเน้นย้ำถึงการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและความล้มเหลวของระบบนิเวศหากโครงการนี้เดินหน้าต่อไป
ครูตี๋นำการประท้วงบนเรือในแม่น้ำโขงเพื่อประท้วงการสำรวจเพื่อระเบิดแก่ง พบปะกับชาวบ้าน คนหาปลา ทั้งในประเทศไทยและประเทศลาว และส่งเสริมให้ชาวบ้านทำหนังสือร้องเรียนที่ส่งต่อถึงสถานทูตจีนในกรุงเทพฯ
ครูตี๋ได้ร่วมทำวิจัยไทบ้าน ใช้ความรู้ท้องถิ่น เป็นวิทยาศาสตร์ภาคพลเมือง พบว่าในแก่งแม่น้ำมีปลา 100 ชนิด ซึ่งรวมถึง 16 ชนิดที่พบได้ในแก่งแม่น้ำนี้เท่านั้น
ครูตี๋ได้ร่วมยื่นเรื่องคัดค้านต่อรัฐมนตรีหลายกระทรวงของรัฐบาลไทยและคณะกรรมาธิการรัฐสภาเกี่ยวกับความผิดพลาดและปัญหาของโครงการระเบิดแก่งแม่น้ำโขง ซึ่งส่งผลให้หน่วยงานรัฐต้องเดินทางไปเชียงของเพื่อพบกับประชาชนหลังจากที่มีการคัดค้านในท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง
บริษัทนักพัฒนาโครงการจากจีนก็ได้เดินทางมาพบกับครูตี๋และชาวบ้าน เพื่อหารือเกี่ยวกับผลกระทบของโครงการนี้
ในเดือนธันวาคม 2017 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยประกาศว่าประเทศจีนได้ระงับโครงการนี้ อย่างไรก็ตาม การประชุมปรึกษาหารือกับรัฐบาลยังคงมีต่อไป ทำให้ระยะเวลาที่ชุมชนท้องถิ่นมีความไม่แน่นอนนั้นยาวนานขึ้น ในขณะเดียวกัน แม้ว่าจะมีการดำเนินการรณรงค์นี้ แต่ก็เริ่มมีการก่อสร้างที่ต้นน้ำของแม่น้ำ และได้มีการระเบิดแม่น้ำโขงไปแล้วในช่วงพรมแดนพม่าลาว ครูตี๋จึงเพิ่มความพยายามของตนเป็นสองเท่า โดยเน้นย้ำถึงผลกระทบที่กว้างกว่าของโครงการว่าการระเบิดมีแนวโน้มจะทำให้เส้นพรมแดนของประเทศไทยกับประเทศลาว ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านและชายแดนถูกกำหนดด้วยแม่น้ำโขง เปลี่ยนแปลงไป
เมื่อเผชิญกับข้อโต้แย้งมากมาย ในตอนแรกรัฐบาลประเทศไทยก็ล้มเลิกโครงการนี้ แต่ก็กลับมาเดินหน้าต่อไปในช่วงปลายปี 2559
แต่ครูตี๋และเพื่อนร่วมงาน ก็ไม่ได้ย่อท้อ งานรณรงค์ส่งผลให้เกิดการคัดค้านมากมายจากประชาสังคม นักวิทยาศาสตร์ และนักวิชาการ จนรัฐบาลถูกกดดันให้ต้องยุติโครงการระเบิดแก่งแม่น้ำโขงอย่างเป็นทางการ ในท้ายที่สุดรัฐบาลไทยก็ประกาศว่ากำลังยกเลิกโครงการนี้เนื่องจากผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายมหาศาลจากโครงการนี้
การยุติโครงการระเบิดแก่งแม่น้ำโขงอย่างเป็นทางการ โดยมีมติคณะรัฐมนตรี ส่งผลให้เกิดชัยชนะอย่างเป็นทางการที่พบได้ยากในภูมิภาคที่เผชิญกับความกดดันมากมายจากโครงการพัฒนา และเป็นข้อพิสูจน์อย่างชัดเจนถึงพลังแห่งการร่วมมือกันรณรงค์ของครูตี๋และประชาชน การสะท้อนเสียงของชาวบ้านเกี่ยวกับคุณค่าทางสิ่งแวดล้อม สังคม และวัฒนธรรมของแม่น้ำโขงให้ดังขึ้นของครูตี๋กดดันให้รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับประชาสังคมและเพิ่มความรับผิดชอบต่อพลเมืองในประเทศของตน ครูตี๋ยังคงเดินหน้าสนับสนุนสิทธิ์ของแม่น้ำและผู้คนที่ต้องอาศัยแม่น้ำนี้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยต่อไป อีกทั้งครูตี๋ยังกำลังพยายามสร้างผู้ดูแลแม่น้ำยุคใหม่ผ่านการสื่อสารในเชิงรุกและการจัดกิจกรรมกับเยาวชนด้วยเช่นกัน
How You Can Help
Help Niwat’s efforts to protect the Mekong River and other critical waterways:
- Understand your role as a truly global citizen. Our consumption habits and individual choices affect others around the world.
- In his words: “We are all linked. There are no borders.”
- Follow the Mekong School on Facebook.
From the Goldman Blog
November 21, 2023
Wrapping up a Busy Fall at Asia-Pacific Climate Week
July 25, 2022
The Fight for Our Rivers
May 31, 2022